อากาศร้อนกลายเป็นประเด็นยอดฮิตที่หลายคนในออฟฟิศพูดถึงกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน คำถามที่ว่า “กรุงเทพร้อนขึ้นจริงๆ หรือ?” มักถูกหยิบยกมาพูดถึงทุกปี บ้างก็โทษภาวะโลกร้อน บ้างก็กล่าวถึงยานพาหนะที่เพิ่มขึ้น หรือการตัดไม้ทำลายป่า ขณะที่บางคนกลับมองว่าอากาศร้อนเหมือนเดิมทุกปี จะบ่นไปทำไม! กินสเลอปี้เย็นๆ สักแก้วจากเครื่องทำสเลอปี้คงจะดีกว่า
จากการตรวจสอบข้อมูลอุณหภูมิย้อนหลัง 30 ปี โดยกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า เมื่อดูจากค่าการวัดอุณหภูมิในเดือนเมษายนจากสถานีวัดกรุงเทพฯ อุณหภูมิสูงสุด อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย และอุณหภูมิเฉลี่ยมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ปี แต่ไม่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างที่หลายคนเข้าใจ
หากอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เหตุใดเราถึงรู้สึกร้อนมากขึ้นทุกปี? อาจเป็นเพราะมนุษย์มีแนวโน้มที่จะจำเหตุการณ์ปัจจุบันได้ชัดเจนกว่า เรามักลืมไปว่าปีที่แล้วร้อนทรมานขนาดไหน เมื่อเทียบกับปีนี้ที่ดูเหมือนร้อนขึ้น นอกจากนี้ การสื่อสารที่ทันสมัยและแพร่หลายมากขึ้นก็ทำให้เราได้ยินการบ่นถึงอากาศร้อนจากหลายๆ แหล่งมากขึ้น
ถึงแม้อุณหภูมิในกรุงเทพฯ จะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าการกระทำของมนุษย์จะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ การตัดไม้ทำลายป่าและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงมีผลต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) ที่เป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก การศึกษาแสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้พลังงานฟอสซิลและการทำลายป่า ได้เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในหลายพื้นที่
ดังนั้น แม้ว่าอุณหภูมิกรุงเทพฯ อาจไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ความร้อนที่เรารู้สึกอาจมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพแวดล้อมในเมือง และการลดลงของพื้นที่สีเขียว การรู้เท่าทันและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเราทุกคนควรมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อโลกใบนี้ให้มากขึ้น
ที่มา: บทความ “กรุงเทพร้อนขึ้นจริงหรือ?” จาก WhereisThailand